-
Period: to
จัดตั้งกรมศึกษาธิการ
มีเจ้าหน้าที่จัดการศึกษาของปรเทศ -
Period: to
ประกาศใช้แผนการศึกษาชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2433
สมัยรัชกาลที่ 5
แบ่งชั้นเรียนเป็น 3 ประโยค เป็นระบบ 3-3-4 รวม 10 ปี -
Period: to
จัดตั้งกระทรวงธรรมการ
กรมการศึกษาธิการ ยกฐานะเป็นกระทรวงธรรมการ -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรฉบับที่ 1 พ.ศ.2438
• หลักสูตรฉบับแรกของประเทศไทย ใช้นาน 10 ปี
• กำหนดให้มีการเรียนเรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติ
• “วิทยาศาสตร์” ยังไม่ถูกนำมาใช้
• การจัดการเรียนการสอนเริ่มให้มีขึ้นในชั้นมัธยมศึกษาเป็นครั้งแรก -
Period: to
ประกาศใช้แผนการศึกษาชาติ พ.ศ.2445
ได้รับอิทธิพลจากแผนการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรสามัญศึกษา ชั้นประถมและมัธยม ร.ศ.124 (พ.ศ.2448)
• เปลี่ยนชื่อวิชา “ศาสตร์” เป็นวิชา “ความรู้เบ็ดเตล็ด” ในประโยคประถมศึกษา
• เปลี่ยนชื่อวิชา “ศาสตร์” เป็นวิชา “วิทยา” ในประโยคมัธยมศึกษา
• กำหนดให้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
• เป็นวิชาวิทยาศาสตร์สำหรับโรงเรียนประถม -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรสามัญศึกษา ร.ศ.130 (พ.ศ.2454)
• มีการศึกษาภาคบังคับ กำหนดให้เรียนวิชา วิทยา
• ระดับมูลศึกษา (ชั้นปีที่ 1-3) เป็นวิชาเลือก
• ระดับประถมศึกษา (ชั้นปีที่ 4-6) เป็นวิชาบังคับ
• ระดับมัธยมศึกษา (ชั้นปีที่ 7-10) เป็นวิชาบังคับเน้นเนื้อหามากขึ้น
• ระดับมัธยมสูง (ชั้นปีที่ 10–12) -
Period: to
หลักสูตรหลวง กระทรวงธรรมการ หลักสูตรสามัญ พ.ศ.2456
• ระดับมูลศึกษา เปลี่ยนเป็นชั้นประถมศึกษา กำหนดให้เรียนวิชา วิทยา
• ระดับประถมศึกษา เปลี่ยนเป็นชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กำหนดให้เรียนวิชา วิทยา
• ระดับมัธยมศึกษา เปลี่ยนเป็นชั้นมัธยมศึกษาตอนกลาง
• ระดับมัธยมสูง เปลี่ยนเป็นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชาย)
• เพิ่มเนื้อหาในการสอนเคมี ให้รู้จักแยกธาตุ กรด เบส วิธีสอนคงเดิม -
Period: to
ประกาศใช้ประมวลศึกษาภาค 2 หลักสูตรสามัญศึกษา พ.ศ.2464
• รัชกาลที่ 6 ทรงตรา พรบ. โรงเรียนราษฎร์ขึ้น มุ่งให้ประชาชนมีความรู้ด้านการประกอบอาชีพ
• ตราพรบ. ประถมศึกษาเป็นเขต ๆ เป็นการศึกษาภาคบังคับ เด็กอายุ 7 - 14 ปี
• แนะนำให้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
• เปลี่ยนชื่อวิชา“วิทยา” เป็นวิชา “วิทยาศาสตร์”
• มัธยมศึกษาตอนต้น เรียนวิทยาศาสตร์
• มัธยมศึกษาตอนปลาย หญิงเรียนสรีระศาสตร์ สุขศึกษา ฟิสิกส์ภาคปฏิบัติ ชายเรียน กลศาสตร์และไฮโดรสเตติกส์และนูแมติกส์ เสียง แสงสว่าง และความร้อน แม่เหล็กและไฟฟ้า เคมีภาคทฤษฎี เคมีภาคปฏิบัติ พฤกษศาสตร์ -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2471
• แยกชั้นมัธยมตอนปลายเป็นแผนกกลาง แผนกภาษา และแผนกวิทยาศาสตร์
• แผนกวิทยาศาสตร์ เรียน 7 ชม./สัปดาห์ ให้ความรู้เน้นทางวิทยาศาสตร์ 7 แขนง : แขนงแม่เหล็ก แขนงไฟฟ้า แขนงเคมี แขนงกลศาสตร์ ความร้อน แสง และเสียง แขนงชีววิทยา แขนงพฤกษศาสตร์ และแขนงโลหะศาสตร์ -
Period: to
ประกาศใช้ประมวลศึกษาภาค 2 หลักสูตรชั้นประถมศึกษา พ.ศ.2480
• ประเทศต้องการนักวิทยาศาสตร์
• กระทรวงฯ สร้างเครื่องมือทดลองที่สามารถใช้ได้หลาย ๆ ชั้น
• ชั้นประถมศึกษาเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาบังคับ 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
• ให้รู้จักวัตถุ การงาน พืช และสัตว์ที่มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับมนุษย์ -
Period: to
ประกาศใช้ประมวลศึกษาภาค 2 หลักสูตรชั้นมัธยมศึกษาต้นและปลาย พ.ศ.2480
• มีการกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะในการสอนวิทยาศาสตร์และวิธีสอนสำหรับระดับมัธยมศึกษา
• มัธยมศึกษาต้น เรียนการวัดสิ่งต่าง ๆ เรื่องความร้อน ไฟฟ้า แสงสว่างเครื่องยนต์ เครื่องบิน น้ำ สถานะของน้ำ ฝน ลูกเห็บ หิมะ น้ำค้าง ลม อากาศ และดาราศาสตร์
• มัธยมศึกษาปลาย เรียนวิทยาศาสตร์มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ทั่วไป เรื่องเกี่ยวกับสสาร -
Period: to
ประกาศใช้แผนการศึกษาชาติ พ.ศ.2479
• แบ่งการศึกษาเป็นสายสามัญศึกษา และสายอาชีวศึกษา
• การศึกษาภาคบังคับกำหนดให้เรียนจบประโยคประถมศึกษา 4 -
Period: to
วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาบังคับ
ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น -
Period: to
ก่อตั้งสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ร่วมกับความช่วยเหลือขององค์การต่างประเทศซึ่งทำให้การศึกษาวิทยาสษสตร์เจริญก้าวหน้าอย่างมาก -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2491
• ระดับประถมศึกษาเปลี่ยนชื่อ “วิชาวิทยาการ” เป็น “วิชาธรรมชาติศึกษา” เป็นวิชาบังคับ
• ประถมศึกษา 1 - 2 เรียนธรรมชาติศึกษา 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
• ประถมศึกษา 3 - 4 เรียนธรรมชาติศึกษา 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
• เรียนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ สิ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ.2493 ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2493
• กำหนดวัตถุประสงค์การสอนวิทยาศาสตร์ เหมือนกันทั้งมัธยมศึกษาตอนต้นและปลาย
• ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเปลี่ยนชื่อ “วิชาวิทยาศาสตร์” เป็น “วิชาวิทยาศาสตร์เบื้อต้น”
• ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเปลี่ยนชื่อ “วิชาวิทยาศาสตร์” เป็น “วิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป” -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2498
• มีความมุ่งหมายให้นักเรียนเรียนรู้เรื่องใกล้ตัว เกี่ยวกับธรรมชาติศึกษา มุ่งให้นักเรียนนำเอาความรู้ประยุกต์ใช้สำหรับตนเองและชุมชนให้ดีขึ้น -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ.2503 และ ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ.2503
• วิชาวิทยาศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ทั่วไป
• ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งเป็น 3 แผนก
• แผนกวิทยาศาสตร์ เรียนวิชาเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา
• แผนกศิลปะ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
• แผนกอักษรศาสตร์ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรประโยคประถมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2503
• ระดับประถมศึกษาเปลี่ยน “ธรรมชาติศึกษา” เป็น “วิทยาศาสตร์เบื้อต้น” ให้ความสำคัญของวิทยาศาสตร์มากขึ้น ครูต้องสอนทั้งเนื้อหา ความรู้ และวิธีแสวงหาความรู้ โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์
• วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาบังคับตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงเตรียมอุดมศึกษา
• ประถมศึกษาตอนต้น : พืชและสัตว์ที่มีในท้องถิ่น สิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต ลม ฟ้า อากาศ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แรงธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลง
• ประถมศึกษาตอนปลาย : การชั่งตวงวัด สิ่งมีชีวิต สสารและพลังงาน แรงธรรมชาติ แทรกการสงวนทรัพยากรธรรมชาติ -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรหลักสูตรโรงเรียนมัธยมศึกษาแบบประสม (พ.ศ.2510)
• เป็นหลักสุตรใช้ในโรงเรียนสามัญศึกษา และโรงเรียนอาชีวศึกษา
• มีการจัดเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์ใหม่ กำหนดเป็นวิชาบังคับและวิชาเลือก
• กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบเรื่องกำหนดหลักสูตร วิธีสอนและการวัดและประเมินผล
• สมาคมวิทยาสาสตร์แห่งประเทศไทย องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมปรับปรุงการสอนวิทยาศาสตร์ -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2518
• มีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เข้ามาร่วมพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์
• กำหนดให้ผู้เรียนเน้นหนักทางวิทยาศาสตร์ เลือกเรียนวิชาเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา
1. เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักการ ทฤษฎีขั้นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์
2. เพื่อให้เกิดความเข้าใจในลักษณะและขอบเขต และวงจำกัดของวิชาวิทยาศาสตร์
3. เพื่อให้เกิดทัศนคติทางวิทยาศาสตร์
4. เพื่อให้เกิดทักษะที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์
5. เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงอิทธิพลของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อม -
Period: to
ประกาศใช้แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2520
• มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ใช้แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2520
• กำหนดให้เปลี่ยนระบบชั้นเรียนตั้งแต่ปีการศึกษา 2521 จากระบบ 4-3-3-2 เป็น 6-3-3 -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2521
• ชั้นประถมศึกษากำหนดให้วิทยาศาสตร์อยู่ในกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต -
Period: to
ประกาศหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ.2521
• มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับวัตถุประสงค์หลักสูตรวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลายพ.ศ.2518
• ให้วิทยาศาสตร์เป็นวิชาบังคับ ระดับชั้นมัธยมศึกษา 1-3 เรียนวิชาวิทยาศาสตร์
• ดัดแปลงเนื้อหาวิชาในแบบเรียนให้เหมาะสมกับระดับชั้น เน้นวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อม -
Period: to
กระทรวงศึกษาธิการพัฒนาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2524
• มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาวิชาเคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยาเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อหาเหมาะสม ทันสมัย -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533)
• ปรับปรุงจุดประสงค์ทั่วไปเกี่ยวกับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พ.ศ.2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533)
• เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
• เนื้อหาวิทยาศาสตร์แบ่งเป็นวิชาบังคับแกนและวิชาเลือกเสรี
• วิชาบังคับแกน บูรณาการเนื้อหาของวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
• วิชาเลือกเสรีเป็นวิทยาศาสตร์กับการแก้ปัญหา ของเล่นเชิงวิทยาสาสตร์ -
Period: to
หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2524 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2533)
แผนกศิลป์ เรียนวิชารวิทยาศาสตร์กายภาพ
แผนกวิทยาศาสตร์ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป เนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน และสิ่งแวดล้อม
การเรียนการสอนเน้นการบรรยายตามหนังสือเรียน มีการสาธิตการทดลองบ้าง -
Period: to
พระราชบัญญัติสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ.2541
มีวัตถุประสงค์
1 ส่งเสริมประสานและให้มีการศึกษาค้นคว้าวิจัย พัฒนาหลักสูตร วิธีการเรียนรู้ การประเมินผลด้านวิทยาศาสตร์ โดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลัก
2 ส่งเสริมประสานและให้มีการพัฒนาบุคลากร เกี่ยวกับการเรียนการสอนและค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์
3 ส่งเสริมประสานและให้มีการค้นคว้าวิจัย ปรับปรุงและทำสื่อการเรียนทุกประเภท ประดิษฐ์อุปกรณ์ด้านวิทยาศาสตร์
4 ส่งเสริมการพัฒนาระบบประกันคุณภาพและการประเมินมาตรฐานการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์
5 พัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ -
Period: to
ประกาศ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
มาตรา 23 การจัดการศึกษา (2) ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544
• เป็นหลักสูตรแกนกลางที่มีโครงสร้างหลักสูตรยืดหยุ่น กําหนดจุดหมาย ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการเรียนรู้ในภาพรวม 12 ปี ช่วงชั้นละ 3 ปี
• แบ่งเป็น 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
• กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 8 สาระ ได้แก่ 1 สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดํารงชีวิต 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม 3 สารและสมบัติของสาร 4 แรงและการเคลื่อนที่ 5 พลังงาน 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี -
Period: to
ประกาศ พรบ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2548
• กำหนดให้สถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมุ่งส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าและวิจัยหลักสูตร วิธีสอน และ การประเมินผลการเรียนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลัก
• การพัฒนาและส่งเสริมบุคลากร การฝึกอบรมครู และการพัฒนาและส่งเสริมบุคคลที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
• การส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551
• กระทรวงศึกษาธิการและคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีมติเห็นชอบให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551
• ตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 เป็นต้นไป ให้ใช่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ทุกชั้นเรียน
• มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี -
Period: to
ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
• มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
• กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ สาระที่ 4 เทคโนโลยี